Friday, March 29, 2013

ภาษากายบ่งบอกอะไร เมื่อเจอหน้าครั้งแรก5

ภาษากาย คือการใช้พฤติกรรมทางร่างกายเพื่อการสื่อสาร ซึ่งเป็นภาษาอีกประเภทนึงเพื่อแสดงความหมาย หากเราทำความเข้าใจและศึกษาให้ดีนั้นก็จะเป็นเรื่องง่ายในการอ่านความนัยใจของพฤติกรรมที่แสดงออกมาได้อย่างง่าย เราลองมาสังเกตุภาษากายโดยทั่วไปกันดีกว่า

  • มองนาฬิกา            ในกรณีนี้หมายถึงการมองนาฬิกาบ่อยครั้งจนผิดสังเกตการกระทำนี้บ่งบอกถึงความอึดอึด ไม่สบายใจ ความเบื่อหน่าย หรือไม่สนใจในบนสนทนานั้นที่กำลังเกิดขึ้น การแสดงออกนี้เป็นบ่งบอกโดยตรงคือ การอยากจบสนทนานี้โดยเร็วที่สุด หรือคู่สนทนาอาจจะรอคอยอะไรบ้างอย่าง หรือรีบไปที่ไหนที่หนึ่งก็เป็นได้ ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าแล้วแต่กรณี
  • นั่งกอดอก              อาการนั่งกอดอกเป็นอาการของคนที่รู้สึกอึดอัด ไม่สามารถพูดตามอย่างที่ตนเองอยากจะแสดงความคิดเห็นได้ หรือไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดเห็นในข้อสนทนาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น อีกนัยนึงหากคือสนทนาของคุณเป็นผู้มีอำนาจหรือแก่กว่านั้นคือการแสดงความมีอำนาจ หรือการวางอำนาจ
  • นั่งไขว่ห้าง              ไม่ว่าใครที่นั่งในลักษณะนี้ไม่ว่าจะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหรือฝั่งเดียวกัน นั่นคือการแสดงความมั่นใจในตัวเองของคู่สนทนา หรือบ่งบอกถึงความจินตนาการ หรือการใช้ความคิด ผู้ที่นั่งไขว่ห้างจะเกิดขึ้นโดยส่วนใหญ่ในเหตุการณ์ในการระดมความคิด การถกเถียง หรือการประชุม
  • นั่งมือประสาน       ความหมายในการกระทำนี้สื่อถึง พฤติกรรมที่ผู้กระทำระมัดระวังการกระทำหรือคำพูด หรือการครุ่นคิดที่ค่อนข้างจริงจังหรือความกลุ้มอกกลุ้มใจ ส่วนใหญ่พฤติกรรมนี้จะเกิดขึ้นกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
  • นั่งเท้าคาง              ลักษณะการนั่งเท้าใต้คางหรือเอามือทั้งสองมือจับแก้มเป็นลักษณะของการใช้ความคิดกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หรือตั้งหน้าตั้งตาจดจ่อกับบทสนทนาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนั้น บางครั้งอาจจะบ่งบอกถึงอาการใจลอยอีกด้วย
  • นั่งก้มหน้า              หากการคู่สนทนากำลังก้มหน้าหรือตอบคำถามในขณะที่ก้มหน้าลงนั่นหมายถึงเขาหรือเธอกำลังซ่อนความรู้สึก  ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าสู้ความจริง แต่ถ้าเป็นบทสนทนาของหนุ่มสาวการก้มหน้าบ่งบอกถึง ความประหม่าและอาการเขินอาย
  • หัวเราะที่มากเกินไป             บางครั้งการหัวเราะที่เกินความจำเป็นก็บ่งบอกถึงแผนการที่กำลังปกปิดเอาไว้หรือการคิดไม่ซื่อ  ในบางครั้งการหัวเราะนั้นก็เป็นการลดความประหม่าของคนีกหลายคนอีกด้วย
  • เล่นใบหู                  จิตวิทยาส่วนใหญ่บ่งบอกถึงการกดเก็บอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเอาไว้และไม่อยากแสดงออกมาเท่าไรนัก หรือเป็นการแสดงความคิดอะไรบางอย่างที่ไม่ต้องการความคิดเห็นจากคู่สนทนาอีกต่อไป
  • ชอบหยุกหยิก        การใช้มือสะกิดหรือชอบจับบ่า จับเข่าคู่สนทนา ส่อแสดงนิสัยถึงความลังเลและไม่แน่นอนหรือสัญญาณแห่งการให้กำลังใจ คล้อยตามเพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้น พอใจ นั่นอาจจะหมายถึงการโกหกในทางที่ดี (white lie) ก็เป็นได้
  • เกาหัว                     พฤติกรรมนี้เป็นการกระทำที่พบเห็นบ่อยที่สุด บ่งบอกถึงการไม่แน่ใจนัก ไม่กล้าออกความคิดเห็น หรือคิดไม่ออก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เลวร้ายเท่าไรนัก แต่หากอยู่ในระหว่างประชุมหรือการระดมความคิดอยู่นั้น ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
  • กัดเล็บ                    ส่วนใหญ่การกระทำในแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเรายังเป็นเด็ก การกระทำนี้ในเด็กบ่งบอกถึงการครุ่นคิด หรือภาวะความเครียดที่สะสมมาพอสมควร หากเกิดขึ้นในผู้ใหญ่จะแสดงถึงความตรึงเครียด มีลับลมคมใน หรือความกดดันในการกระทำความผิดอะไรสักอย่างอยู่
  • กัดริมฝีปาก           การกัดริมฝีปากจะเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ เท่านั้น ควรสังเกตุให้ดี เพราะภาษากายอันนี้สำคัญมาก เพราะบ่งบอกถึง การโกหก หรือปกปิดข้อมูลที่แท้จริงเอาไว้ เพื่อหวังว่าจะปกปิดความจริงหรือข้อมูลกับผู้ฟัง เชื่อหรือไม่…แม้แต่อดีตประธาณาธิปดีของสหรัฐอเมริกายังเคยพลาดมีพฤติกรรมแบบนี้ออกมาบ่อยครั้ง
  • จับคาง                    การลูบคลำใต้คางหรือจับปลายคาง เป็นการแสดงพฤติกรรมของนักคิดหรือผู้ใช้สมอง แม้แต่รูปปั้นอันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก (the thinker) ก็ทำท่าจับปลายคางอีกด้วยนั่นคือพฤติกรรมอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไป
  • เล่นหัวแม่มือ          หากคู่สนทนานั่งเอามือประสานกัน และแกว่งนิ้วหัวแม่มือหรือเล่นกับมันไปมา นั่นหมายถึงจิตใจที่ล่องลอยไปที่อื่น หรือกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ ใจลอย หรือไม่มีสมาธิเท่าไรนัก
  • เคาะนิ้ว                  การกระทำนี้บ่งบอกถึงความรู้สึกที่รีบเร่งหรือเบื่อหน่ายคู่สนทนา และอยากจะออกจากวงสนทนานี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การกระทำเคาะนิ้วนี้เป็นการแสดงออกทางกายที่บ่งบอกถึงการไม่มีความเกรงใจคู่สนทนาอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย

ภาษากายบ่งบอกอะไร เมื่อเจอหน้าครั้งแรก5

ภาษากายบ่งบอกอะไร เมื่อเจอหน้าครั้งแรก4

ท่าทางและการแสดงทางร่างกายของมนุษย์แม้จะไม่ต้องเอ่ยปากแม้แต่สักคำเดียว ในบางครั้งเราก็ไม่สามารถปิดบังหรือเก็บกดภาษากายไปได้ เพราะธรรมชาติของมนุษย์ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ตลอดเวลา ซึ่งการเรียนรู้ภาษากายจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญที่จะเรียนรู้เพื่อรับมือกับบุคคลเหล่านี้ที่ไม่ค่อยใช้คำพูดในการสื่อสารเท่าไรนัก

  • ปลายเท้า               ในระหว่างการพูดคุยที่กำลังออกรสออกชาติอยู่นั้น เราจะสามารถอ่านถึงความสนใจของคู่สนทนาเราได้อย่างง่ายๆ ในการสังเกตุปลายเท้าว่าเขาหรือเธอชี้ไปยังทิศทางไหน หากชี้ไปยังจุดอื่นนั้นแสดงว่า คู่สนทนาของคุณไม่ค่อยได้สนใจคุณเท่าไรนัก ในฝั่งตะวันตก ผู้หญิงบางคนจะเลือกผู้ชายที่ชอบชี้ปลายเท้ามาทางเธอเสียส่วนใหญ่เพราะมันเป็นการบ่งบอกถึงความใส่ใจอีกทางนึง
  • หัวไหล่                    ในบางครั้งหากการสังเกตุปลายเท้าของเขาหรือเธอไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนักเพราะหากจะต้องก้มลงไปมองก็คงลำบากมิใช่น้อย ฉะนั้นอาจจะใช้วิธีการลองสังเกตุช่วงลำตัวหรือหัวไหล่ว่าได้มีการเอนหรือหันมาทางคุณบ้างหรือไม่ นั่นก็เป็นอีกพฤติกรรมนึงที่แสดงถึงความสนใจหรือให้ความใส่ใจอีกด้วย เพราะธรรมชาติของมนุษย์เมื่อสนใจสิ่งใดแล้วจะค่อยข้างแสดงออกไม่ว่าทางใดก็ทางนึง
  • ประสานมือหลังลำคอ          ภาษากายที่กำลังส่อถึงความเปิดเผยและเปิดใจในการรับฟังหรือรับรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เค้าหรือเธอกำลังฟังอยู่และพร้อมที่จะฟังต่อไปเรื่อยๆ ทีท่านี้เป็นการแสดงภาษากายเชิงบวกที่เห็นได้บ่อยครั้งในหมู่ผู้ชายเสียส่วนใหญ่เพราะแม้จะมีทีท่าที่เปิดเผยและรับฟังแต่ยังคงมีการโชว์ให้เห็นแผงออกเพื่อแสดงความมีอำนาจอีกด้วย
  • การจับจมูก            ในบางครั้งคนเราสามารถทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือโกรธได้โดยที่เราไม่ทราบ ฉะนั้นการจับจมูกบ่อยๆ เป็นอีกสัญญาณนึงในการแสดงความไม่พอใจหรือไม่มีความสุข บางครั้งการจับจมูกและหลับตาแสดงถึงความขัดใจอย่างยิ่งจนบังคับตัวเองแทบจะไม่อยู่
  • เอามือล้วงกระเป๋า                                บางคนอาจจะคิดว่าเป็นพฤติกรรมในทางลบแต่ไม่ใช่เลย การเอามือล้วงกระเป๋านั้นบ่งบอกถึงการครุ่นคิดและการบังคับใจเพื่อไม่ให้หลงไหลหรือคล้อยตามผู้พูดมากนัก ส่วนใหญ่ผู้ชายจะเอามือล้วงกระเป๋าเพื่อสำรวมท่าที่ต่อที่สาธารณะเพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพ
  • การเลียนแบบ       ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบทางด้านคำพูดหรือการกระทำ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความสนิทสนมหรือความสบายใจของอีกฝ่ายนึงอย่างชัดเจน คนส่วนใหญ่จะไม่เลียนแบบพฤติกรรมของคู่สนทนาหากไม่สนิทสนมหรืออีกนัยนึงคือการบอกให้คนที่ถูกล้อเลียนผ่อนคลายให้มากขึ้น
  • การนั่งหันปลายเท่าเข้าหากัน              เป็นการแสดงออกโดยชัดเจนถึงการครุ่นคิดและความไม่มั่นใจของอีกฝ่าย ซึ่งการกระทำนี้จะพบส่วนใหญ่ในเด็กหรือผู้ชายที่กำลังประหม่าในอะไรสักอย่าง การนั่งแบบนี้แสดงถึงจุดยืนที่ไม่ยอมรับสิ่งแปลกใหม่หรือฟังข้อความจากใครทั้งสิ้น
  • การย่ำเท้า ยกเท้า กระทืบเท้า เป็นอาการของความอึดอัดและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด อีกนัยหนึ่งบ่งบอกถึงความรำคาญหรือไม่ก็เบื่อและอยากออกจากการสนทนานี้ไปโดยเร็วที่สุด อีกนัยนึงคือการแสดงความรู้สึกที่ขัดใจไม่เป็นไปตามที่คิด เด็กผู้หญิงจะมีอาการแบบนี้มากกว่าผู้ชายเพราะต้องการความใส่ใจมากกว่า
  • เท้าเอว                   การแสดงอาการนี้พบได้บ่อยครั้งกับเด็กๆ ที่แสดงอาการงอนหรือไม่พอใจแบบน่ารักไม่ใช่การโกรธอะไรมาก แต่ถ้าเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่จะสื่อความหมายคล้ายกันอย่างเช่น หญิงสาวที่กำลังงอนแฟนหนุ่ม หรือการประชดประชัน และการส่งข้อความให้เห็นด้วยให้อีกฝ่ายได้รับรู้อย่างชัดเจนว่าตนเองไม่พอใจ
  • นั่งกอดเข่า             ความรู้สึกที่หดหู่จากภายในบอกได้อย่างชัดเจนถึงความทุกข์และความเศร้าของบุคคลที่กำลังทำพฤติกรรมนี้ การนั่งกอดเข่าเป็นการปกป้องตัวเองอีกอย่างนึงจากบุคคลรอบข้างและปัญหาที่เขาหรือเธอกำลังเผชิญอยู่ในขณะนั้น ส่วนใหญ่คนที่นั่งกอดเข่าจะชอบใช้เวลาเพื่อคิดคนเดียว มากกว่าคนที่กอดแขนแล้วก้มหน้าฟุบไปบนโต๊ะเพื่อเรียกร้องความสนใจ

ภาษากายบ่งบอกอะไร เมื่อเจอหน้าครั้งแรก4

Thursday, March 28, 2013

ภาษากายบ่งบอกอะไร เมื่อเจอหน้าครั้งแรก3

ในบางครั้งหนุ่มๆ อาจตกหลุมที่สาวๆ ขุดเอาไว้วางกับดัก ท้งเสื้อผ้าหน้าผมที่ดูออกมาเริ่ดเร่อจนดูรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงแทบไม่ออก แต่การพูดสามารถบอกอะไรได้หลายอย่างอย่างเช่นนิสัยใจคอที่ ส่วนใหญ่ไม่สามารถหลอกกันได้ ซึ่งหนุ่มๆ เองก็สามารถอ่านพฤติกรรมนี้ได้ไม่ยาก หากพร้อมแล้วไปลุยกันเลย

  • พูดเสียงนุ่มนวลชวนฟัง        ผู้หญิงคนนี้เป็นคนใจอ่อน และมีเสน่ห์ที่คำพูดสามารถโน้มน้าวให้คนคล้อยตามได้ง่าย มีจิตใจอ่อนโยน มักเห็นใจผู้อื่นและชอบช่วยเหลือคนรอบข้าง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งจะกลายเป็นที่รักของเพื่อนๆ และทำให้เป็นคนที่มีเพื่อนมาก มีคนนับถือโดยทั่วไป แม้จะเป็นคนใจอ่อนแต่หากรู้ว่าถูกหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็อาจจะกลายเป็นคนใจร้ายได้เหมือนกัน ฉะนั้นหนุ่มๆ สมควรที่จะระวังเอาไว้อย่าไปทำให้สาวเสียงนุ่มคนนี้โกรธอีกเป็นอันขาด อย่าหาว่าไม่เตือน
  • พูดเสียงทุ้มกังวานและเน้นปลายเสียง               สาวคนนี้เป็นคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง และมีความเป็นผูนำสูง เป็นเสียงที่บ่งบอกถึงความมีอำนาจ ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้างานหรือมีฐานะการงานที่ดีจะมีฐานเสียงแบบนี้ แม้ความมั่นใจจะเกินร้อยแต่ไม่ชอบแสดงออกมาเท่าไร  ไม่ชอบอวดตัว ไม่วางตัวเหนือคนอื่น แต่กลับกันอีกนัยนึงถ้าพูดถึงเรื่องความรู้ความฉลาด เธอกลับอยากจะโชว์มันแทบใจจะขาด และยิ่งหากมีความสามารถรอบตัวก็ไม่รอช้าที่จะแสดงมันออก แต่ไม่คิดข่มใคร
  • พูดเสียงแหลมสูง พูดเร็วเหมือนลิ้นพันกัน          สาวที่มีน้ำเสียงแบบนี้ มักจะมีนิสัยน่ารักและรักสนุก ไม่ค่อยจริงจังกับชีวิตแม้แต่เรื่องความรัก ชอบใช้ชีวิตไร้แก่นสารแต่คนรอบข้างอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ชอบใช้ชีวิตโลดโผน หรือเดินทางเพื่อหาสิ่งใหม่ๆ หรือเพื่อนใหม่ ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ  และเป็นจุดเด่นในหมู่เพื่อนๆ ชอบเป็นที่จับตามองและชอบเป็นที่รักของผู้อื่น แต่ไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของคนอื่นเท่าไรนัก เพราะมัวแต่สนใจแต่กับตัวเอง
  • พูดเสียงแหลมสูง แต่พูดชัดถ้อยชัดคำ                เป็นผู้หญิงอีกประเภทที่มีเหตุผลและมีความเป็นผู้ใหญ่สูง มักเป็นที่เคารพรักของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นผู้เรียนรู้ที่ดี ชอบแสดงความคิดเห็น รับฟังผู้อื่นเสมอและเป็นผู้รับฟัง ผู้แนะนำที่ดีจนบางครั้งอาจจะกลายเป็นศิราณีของเพื่อนสาวไปโดยปริยาย แต่แอบเจ้ากี้เจ้าการกับคนรอบข้างเกินไป เพราะชอบอะไรที่สมบูรณ์แบบแม้ในความเป็นจริงแล้วอาจจะทำได้ยาก
  • พูดเสียงแหบเครือ พูดไม่ชัด เป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง ค่อนข้างสับสน ไม่มั่นใจเหมือนกับท่าทางที่แสดงออกไป บางครั้งแม้ใบหน้าจะฉาบด้วยรอยยิ้มแต่ในใจอาจจะมีความทุกข์ อีกทั้งยังต้องการความสนใจจากคนรอบข้างเสมอ จนเหมือนเป็นคนขี้เหงาหรือขาดความอบอุ่น ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง ชอบโชว์ข้าวของหรือความสามารถของตนเองจนบางครั้งเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างอาจจะหมั่นใส้เอาได้
  • พูดสองเสียง ทั้งเสียงทุ้มและเสียงต่ำ  ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นคนที่ค่อนข้างคบยากและเดาใจยาก เชื่อไม่ค่อยได้  มักเชื่อในความคิดของตัวเองหรือมีจินตนาการสูง ในบางครั้งอาจจะดูเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ชอบนินทาลับหลัง ฉะนั้นหากเจอคนแบบนี้ควรหลีกให้ไกล เพราะอาจจะซ่อนแผนการหรือเล่ห๋กลอะไรบางอย่างเอาไว้ บางครั้งคนแบบนี้เป็นคนร้ายลึกจนอ่านไม่ออก

ในทุกครั้งควรสำรวจการพูดจาของสาวๆ ในเวลาปรกติหรือในเวลาที่เค้าพูดคุยกับเพื่อน เพราะจะเป็นการออกเสียงที่เป็นตัวของตัวเองของผู้หญิงที่สุด


ภาษากายบ่งบอกอะไร เมื่อเจอหน้าครั้งแรก3

Wednesday, March 27, 2013

ภาษากายบ่งบอกอะไร เมื่อเจอหน้าครั้งแรก2

หลังจากที่เราได้เรียนรู้ถึงการแสดงทางสายตาแล้ว ตอนนี้มาเรียนรู้ถึงน้ำเสียงของคู่สนทนาที่สามารถเรียนรู้ได้ถึงนิสัยใจคอได้เพียงแค่ในครั้งแรกที่ได้เจอกัน เริ่มจากผู้ชายกันก่อน โดยทั่วไปหนุ่มๆ จะมีเนื้อเสียงที่ห้าว หรือไม่ก็ทุ้มแต่ถ้าหากเราสามรถอ่านเสียงที่เบ่งออกมาอย่างลึกๆ แล้วก็อาจจะบอกอะไรๆ ได้อีกหลายอย่าง เอาล่ะ สาวๆ เตรียมตัวทำการศึกษาเค้ากันได้

  • พูดเสียงห้าว หรือมีหางเสียงกระโชก  เป็นผู้มีนิสัยใจนักเลง มักหาเรื่องใส่ตัว หรือไม่ค่อยลงรอยกับใครง่ายๆ อาจจะมีศัตรูมากโดยที่เค้าไม่รู้ตัว และไม่ค่อยให้เกียรติใคร ผู้ชายแบบนี้อาจจะชอบวางอำนาจเพื่อกลบเกลื่อนความไม่มั่นใจในตัวเองอีกด้วย
  • พูดเสียงสุภาพ อ่อนน้อม รื่นหู              ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนค่อนข้างฉลาด นิสัยนอบน้อม และเป็นที่รักใคร่ของเพศตรงข้าม มักเข้าได้กับทุกคนโดยไม่ค่อยสร้างปัญหากับใครเท่าไร  อีกนัยนึงผู้ชายคนนี้ค่อนข้างเก็บความขี้อายเอาไว้ลึกๆ เพื่อรอให้คนรอบข้างสนใจ
  • พูดเสียงเล็กคล้ายผู้หญิง                     ผู้ชายที่มีเสียงแหลมหรือนุ่มทุ้มไม่ห้าวเหมือนผู้ชายทั่วไป มักเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมพอสมควร ฉลาดแกมโกงมักซ่อนความคิดน่ากลัวเอาไว้ภายใต้สีหน้าเบิกเฉย ไม่มีความซื่อตรง ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ไม่มีความจริงใจ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม มักชอบทำตัวให้ผู้คนชื่นชอบเป็นระยะ ต้องการความเอาใจใส่จากคนรอบข้าง แต่ส่วนใหญ่จะคบหาเป็นเพื่อนไม่ค่อยได้
  • พูดเร็ว คล่อง แกมตลกทีเล่นทีจริง       เป็นคนเจ้าสำราญหาสาระแก่นสารไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยจริงจังกับอนาคตหรือคนที่คบหาอยู่เท่าไร หากเป็นหนุ่มชอบแต่งตัวทันสมัยหรือรักสวยรักงาม ส่วนใหญ่ผู้ชายประเภทนี้จะไม่ค่อยมีความรับผิดชอบมากนัก อีกทั้งยังมีนิสัยพ่อพวงมาลัยอีกด้วย
  • พูดเสียงหนักแน่น แต่ไม่มีหางเสียง     ผู้ชายตรงไปตรงมา ออกแนวขวานผ่าซาก และมักเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ เป็นคนหัวรั้นไม่ค่อยฟังใครง่ายๆ เป็นคนใจคอเด็ดเดียว รักเดียวใจเดียว ไม่ค่อยชอบเอาใจใครเท่าไรนักและไม่ชอบให้ใครมาคอยดูแล แต่ในใจลึกๆ ก็แอบเหงากับเค้าเป็นเหมือนกัน
  • พูดเสียงเล็ก พูดเบา พูดน้อย                               สัญญาณนี้บอกถึงการขาดความมั่นใจในตัวเอง แต่ไม่ค่อยฟังใคร ชอบทำหูหวน และก็ไม่ค่อยฟังใครเช่นกัน แม้จะขาดความมั่นใจแต่กลับเชื่อในตัวเองเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่จะตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง และหาแก่นสารในชิวิตไม่ค่อยได้
  • พูดเสียงห้าวทุ้ม เน้นถ้อยคำ                                ผู้ชายที่คุณกำลังเจอนี้อาจจะเป็นคนชอบอวดฉลาด ยโส หยิ่งจองหอง มักชอบใช้ความรู้ของตัวเองเพื่อสอนหรือข่มคนอื่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง มักชอบวาดฝันโครงการใหญ่โตแต่ส่วนใหญ่จะไม่สำเร็จมากนัก
  • พูดเสียงห้าวต่ำ แต่พูดเร็ว บางครั้งพูดช้า  อาจจะเป็นคนที่คบยากสักหน่อย อ่านใจยากค่อนข้างมีแพลนอยู่ในใจ แต่ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร นอกจากการเป็นนักวางแผน  ส่วนใหญ่คนพวกนี้จะอ่านภาษากายและภาษาพูดของผู้อื่นได้ดี
  • พูดเสียงห้าว พูดเสียงขาดๆ หายๆ      คนใจเร็วด่วนได้ มักตัดสินใจรวดเร็ว ชอบวางอำนาจกับผู้อื่น หรือขี้ประจบประแจง แต่ไม่เอาเปรียบใครและไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบเด็ดขาด ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ง่าย มีเพื่อนฝูงเยอะพอสมควร
  • พูดเสียงทุ้ม เรียบ สม่ำเสมอ                เป็นคนสุขุม อารมณ์เย็น ค่อนข้างชอบวางเฉยกับคนรอบข้าง ไม่ชอบหาเรื่องหาราวเท่าไรนัก แต่ชอบสนุกสนานเฮฮาไปกับเพื่อนฝูงหรือคนที่สนิทในระดับนึง เจ้าชู้เล็กน้อย เพราะเป็นคนมีเสน่ห์ เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย ไม่แปลกที่บงครั้งอาจจะกลายเป็นคนเจ้าชู้
  • พูดเสียงทุ้ม พูดชัด น้ำเสียงเรียบแม้จะอยู่ในอารมณ์ต่างๆ               หนุ่มคนนี้มีจิดใจเที่ยงตรง และมีคุณธรรม เป็นคนมีจิตใจกว้างขวางพอสมควร ถ่อมตัว แต่อีกนัยนึงชอบให้คนมายกย่องบ้างเล็กน้อยจนบางครั้งเหมือนเป็นคนบ้ายอ หนุ่มคนนี้เป็นคนมีเสน่ห์ที่น่าคบหา สามารถกุมใจคนทั่วไปได้ดี
  • พูดเสียงเล็ก เหมือนเป็นหวัด                               บ่งบอกถึงความไม่มั่นใจในตัวเองมากๆ แต่มีนิสัยซื่อตรงและซื่อสัตย์ บางครั้งอาจจะตกเป็นเหยื่อของผู้อื่นได้ง่ายเกินไป เพราะความไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไรนักจึงเชื่อคนง่ายเกินไป

ภาษากายบ่งบอกอะไร เมื่อเจอหน้าครั้งแรก2

Date Bible มาเตรียมตัวก่อนออกเดทกันเถอะ 4

เรื่องที่สาวๆ อาจจะพลาดได้ในการออกเดทแบบง่าย ทั้งๆ ที่เตรียมตัวมาครบแล้วเชียว แต่บางครั้งก็ดันมาตกม้าตายเพราะปัญหาเล็กน้อยหรือเรื่องที่คิดไม่ถึงไปได้ ลองมาสำรวจตัวเองดูว่า เคยพลาดจุดไหนมาแล้วบ้าง แล้วอย่าทำมันอีก…

มาสาย   มาสายเป็นเรื่องไม่ผิด แต่การอ้างนู่นอ้างนี่ ในขณะที่คุณสามารถจะส่งข้อความหรือโทรไปแจ้งคู่เดทก่อน เป็นเรื่องที่สมควรทำมากกว่า เพราะคู่เดทจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นหรือเดินเล่นฆ่าเวลาไปพลางๆ ดีกว่าจะมานั่งหงุดหงิดรอแบบไม่มีความหวัง อย่าเชียว…ที่ไม่รับโทรศัพท์หากเค้าโทรมาในเวลาที่คุณผิดเวลานัด เพราะไม่รู้จะอ้างอะไร ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ยังไงเค้าก็ต้องเข้าใจ

อาหารต้องห้าม     ถ้าไม่อยากหน้าแตกเพราะเสื้อตัวสวยเปื้อนซอสมะเขือเทศหรือน้ำแกง อาหารเส้นเช่น ก๋วยเตี๋ยวหรือสปาเก็ตตี้ เป็นอาหารที่ค่อนช้างทานยากที่เหมาะจะทานกับเพื่อนฝูงมากกว่า อาหารเส้นพวกนี้จะฆ่าคุณมากกว่ากลิ่นหัวหอม กระเทียมที่คุณเพิ่งจะทานไปเสียอีก อีกทั้งการกินอาจจะทิ้งกิริยาการกินที่ไม่งามนัก รู้ว่าเดทแรกต้องเผยความเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ควรจะสวงนท่าที่ไว้บ้างถ้าไม่ลำบากเกินไปสั่งอย่างอื่นทานไปก่อน ความประทับใจเมื่อแรกเจอสำคัญที่สุด

อย่าจ้อแต่เรื่องตัวเอง  บางครั้งการสนทนาแบบออกรสออกชาติมากเกินไป มันจึงทำให้การควบคุมปากมันน้อยไปหน่อย จนจ้อเรื่องของตัวเองไม่หยุด เรียกว่าแทบจะเอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ จนหนุ่มๆ ต้องอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกบอกให้หยุดก็ไม่ได้ แย่กว่านั้นอาจจะพาลคิดไปว่า ผู้หญิงคนนี้ชอบคิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจโลกหรือคนรอบข้าง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเท่านั้น

ห้ามโกหก  แม้ว่าอยากจะสร้างความประทับใจให้กับเค้ามากแค่ไหน หากมันไม่มีอะไรที่เหมือนกันก็อย่าพยายามเลยค่ะ ผู้ชายไม่โง่อย่างที่คุณคิด การเสแสร้งแกล้งทำอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีเพียงแค่ระยะแรก แต่ถ้าหากเค้าเกิดสนใจถึงรายละเอียดขึ้นมาแล้วถามถึงมัน ถ้าเกิดคุณตอบไม่ได้ ไม่เพียงแต่คุณจะดูเฟคและเป็นคนขี้โกหก แต่อาจจะทำให้เค้าสวมคอนเวิร์สกับคุณเลยก็ได้ ความประทับใจต้องมาจากตัวคุณไม่ใช่คำโกหก

ภาษากายที่มากเกินไป  การแสดงภาษากายที่มากเกิน ถึงกับถึงเนื้อถึงตัวจนเกินงาม อย่าเพิ่งกลัวกับภาษากาย การแตะเนื้อต้องตัวไม่ใช่เรื่องแปลกแต่บางครั้งการเป็นคนมือไว้มากเกินงาม หรือปากว่ามือถึง ผู้ชายบางคนอาจจะชอบแต่ก็หมดความนับถือในตัวคุณไปเลยก็ได้ หรือคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ไม่ถือเนื้อถือตัว จนสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจเค้า จนคุณอาจจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกิ๊กสนั่นแทนที่จะเป็นแฟนตัวจริงตามที่หวังเอาไว้

การจ่ายเงิน  เดทแรกการจ่ายเงินควรเป็นแบบอเมริกันแชร์จะดีกว่า ไม่ควรเหนียวจนเกินไป แม้ว่าเค้าจะเป็นคนเลือกร้านอาหารก็ตามที แต่หากหนุ่มๆ ยินดีที่จะจ่ายทั้งหมดเอง อย่างน้อยก็ควรที่จะคุ้ยๆ หรือหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อแสดงออกว่าคุณยินดีที่จะจ่ายส่วนของคุณเอง เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่สามารถดูแลตัวเองได้ นี่เป็นอีกทางนึงที่แสดงให้เค้าได้เห็นว่าคุณเองก็ดูแลตัวเองได้เช่นกัน  หรือไม่ก็อาจจะซื้อขนมหรือน้ำผลไม้ล้างปากเลี้ยงเค้าก็ได้เพื่อเป็นการตอบแทนจะดีที่สุด

โทรศัพท์                 ในปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทมากในชีวิตประจำวันของมนุษย์เรา แต่ขอร้องเถอะ….เลิกจ้องมันซักที ในเวลาเดทคุณควรสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น Line, Facebook หรือ IG ลืมมันไปได้เลย หรือถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ก็ควรจะขออนุญาติเค้าแบบเบาๆ เพื่อไม่ให้น่าเกลียด เช็คแล้วก็เก็บมันเอาไว้ในกระเป๋า แต่ในทางกลับกันหากคู่เดทของคุณตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับโทรศัพท์ของเค้า คุณควรฉลาดพอที่จะถามถึงมันว่า เรื่องงานหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ถามไปตรงๆ เลยว่า เดทนี้มันน่าเบื่อมั้ย หรือคำถามอื่นตามสไตล์ของคุณ เพราะถ้ามันไม่น่าเบื่อ เค้าก็จะวางโทรศัพท์เจ้าปัญหานั่นทันที และคุณจะได้ความนับถือจากเค้าอีกด้วย


Date Bible มาเตรียมตัวก่อนออกเดทกันเถอะ 4